อาการเหล่านี้คืออาการ นอนไม่หลับ เป็นอาการที่หลายคนเคยเป็นและอาจมีหลายคนที่กำลังเผชิญกับอาการนี้อยู่ ซึ่งอาการนอนไม่หลับนั้นปัจจุบันมีผู้ที่มีแนวโน้มในการเป็นสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น
เมื่อเกิดอาการนอนไม่หลับก็ส่งผลให้เรานอนน้อยและพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายเป็นอย่างมาก โดยจากผลการวิจัยพบว่า เมื่อเรานอนน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมง จะส่งผลถึงระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดของร่างกาย ที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และนั่นคือสาเหตุในการเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่างๆ เช่น
สำหรับคนที่มีอาการนอนไม่หลับบ่อยครั้ง จะมีโอกาสเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ซึ่งโรคนอนไม่หลับเรื้อรังนี้ จะส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย และเป็นตัวทำลายระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายให้แย่ลง
เมื่อเรานอนดึกหรือนอนไม่พอ จะทำให้บริเวณหลอดเลือดหัวใจมีปริมาณโปรตีนเข้ามายึดเกาะมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตันได้ และจากงานวิจัยในผู้ที่ไม่นอนมากกว่า 88 ชั่วโมงพบว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีผลความดันเลือดที่สูงมากผิดปกติอีกด้วย
การนอนไม่พอก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นได้ เพราะการอดนอนส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ร่างกายจึงเร่งผลิตอินซูลินเพื่อคงระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ จนอาจทำให้ฮอร์โมนอินซูลินไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกต่อไป
นอกจากการนอนไม่หลับหรือนอนดึกจะมีผลต่อการรับประทานอาหาร และการขับถ่ายซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้แล้ว ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการนอนกับการเกิดมะเร็งลำไส้พบว่า ผู้ที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง มีโอกาสมากถึง 47% ในการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่นอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมง
การนอนไม่หลับ นอกจากจะส่งผลต่อระบบอวัยวะภายในต่างๆ ของร่างกายแล้ว ยังส่งผลถึงสภาพจิตใจ และระดับสารเคมีในสมองซึ่งเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าอีกด้วย
เพราะการนอนไม่หลับจะทำให้ฮอร์โมนที่ชื่อว่า “เทสโทสเทอโรน” นั้น ต่ำลง ซึ่งส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดต่ำลงไปด้วยเช่นกัน
การรักษาอาการนอนไม่หลับนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับความสะดวกและชนิดของอาการนอนไม่หลับของแต่ละคนด้วย โดยวันนี้เราได้หยิบยกวิธีการแก้ไขอาการนอนไม่หลับมาด้วยกัน 7 ข้อ ดังนี้
การนอนที่ดีควรเริ่มต้นจากการมีสถานที่สำหรับการพักผ่อนที่ดีเช่นกัน ทั้งห้องนอน เตียงนอน อุณหภูมิที่พอเหมาะ รวมถึงการปิดสิ่งรบกวนอย่างเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ที่จะเป็นตัวช่วยให้การนอนหลับดียิ่งขึ้น
พยายามปรับเวลาเข้านอนให้ตรงเวลาเหมือนกันทุกคืน เพื่อให้ร่างกายจดจำเวลานอน และหลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน หรือการใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงในช่วงกลางวันด้วย
ให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม และเลือกรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เช่น ปลากะพง ปลาเก๋า อาหารจำพวกถั่ว เช่น แอลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง เพราะจะมีส่วนช่วยในกระบวนการควบคุมการนอนหลับได้ดี
การออกกำลังทุกวันช่วยให้หลับได้ดีขึ้น เพราะจะช่วยลดความตึงเครียดทางอารมณ์และร่างกาย โดยควรออกอย่างน้อยวันละ 30-45 นาที 3-4 วันต่อสัปดาห์ในช่วงเช้าหรือเย็น และไม่ควรออกในช่วงเวลาค่ำใกล้เวลาเข้านอนเพราะจะส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวและเกิดอาการนอนไม่หลับ
หลายคนเกิดอาการนอนไม่หลับเนื่องจากการคิดวิตกกังวลก่อนนอน ดังนั้นก่อนการนอนควรพยายามปลดปล่อย ไม่นำเรื่องเครียดหรือความกังวลต่างๆ มาคิดทบทวนก่อนนอน ทำจิตใจให้สบายก่อนเข้านอน
อีกหนึ่งวิธีที่หลายคนใช้เป็นตัวช่วยในการนอนหลับ คือการใช้กลิ่นและเสียงเป็นการผ่อนคลายในการนอน อย่างเช่น การเปิดเพลงคลอเบาๆ หรือที่หลายคนนิยมทำคือการจุดเทียนหอม หรือกลิ่นอโรม่าต่างๆ
เพราะอาการนอนไม่หลับนั้นมีหลายชนิด ในรายที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์หรือจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์อาการและหาทางรักษา รวมถึงการใช้ยาควบคู่กันไป
จะเห็นได้ว่าการนอนไม่หลับเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลย เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การเกิดโรคร้ายต่างๆ ได้ โดยเฉพาะ “โรคมะเร็ง” ที่ปัจจุบันเป็นโรคร้ายที่มีแนวโน้มการเกิดสูงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นการดูแลและวางแผนสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งการพักผ่อนให้เพียงพอ การดูแลอาหารการกิน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมไปถึงการหาตัวช่วยดีๆ อย่าง ประกันมะเร็ง ที่จะช่วยดูแลและลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา เป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราอุ่นใจ แม้ในวันที่เราอาจต้องเผชิญกับโรคร้ายที่เราคาดไม่ถึง